วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ทิปดีดีในการเสริมทักษะภาษาที่สองให้เด็กๆ





การเสริมสร้างภาษาที่สองให้แข็งแรงนั้น ย่อมทำได้ยากกว่าภาษาที่หนึ่ง เพราะเราไม่ได้อยู่ในวงล้อมของภาษานั้น แต่ก็ไม่ได้ยากจนทำไม่ได้นะคะ ขอแค่รู้เคล็ดไม่ลับ เรื่องการจัดระบบเล็กๆน้อยๆ และการแบ่งเวลาอย่างมีประสิทธิภาพก็จะทำให้อะไรๆง่ายขึ้นค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงจะมีตัวช่วยมากแค่ไหน ความมุ่งมั่นของคุณพ่อคุณแม่ ย่อมต้องมาเป็นที่หนึ่งเสมอ
ลองมาดูเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการเสริมสร้างการเรียนรู้ของเด็กๆ กันค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง

เปลี่ยนการร้องเพลงกล่อมเด็กภาษาไทยเป็นเพลงกล่อมเด็กภาษาอังกฤษแทนอันนี้เริ่มตั้งแต่ยังแบเบาะ หรือตั้งแต่ในท้องเลยนะคะ

กำหนดเวลาสำหรับการทำกิจกรรมเป็นภาษาอังกฤษในแต่ละวัน อาจเป็นการเล่นเกมส์เบาๆก่อนนอน เช่น เกมส์ I spy หรือ bingo ไม่ว่าคุณจะจัดช่วงเวลาใดก็ขอให้สม่ำเสมอให้เด็กๆเกิดความเคยชิน

อย่าปล่อยเวลาระหว่างกิจกรรมให้สูญเปล่า เช่นระหว่างทางไปโรงเรียน ช่วงรถติด นั่งคอยหมอฟัน ฯลฯ ช่วงเวลาเหล่านี้เป็นเวลาที่เราเสียไปเปล่าๆน่าจะใช้โอกาสนี้พูดคุยสนทนา ชี้ชวนกันชมสิ่งต่างๆ หรือแม้แต่ฟังข่าว หรือเพลงภาษาอังกฤษ ไม่แน่ว่าช่วงเวลาเล็กๆนี้ถ้าคุณเปิดโอกาส คุณอาจได้รับความรู้ดีดี ที่จะทำให้วันพรุ่งนี้ง่ายขึ้นก็ได้

อ่านหนังสือกับลูก กับการเล่านิทาน สองสิ่งนี้ต่างกันเล็กน้อย หนังสือช่วยให้เด็กๆเห็นภาพง่ายขึ้นในกรณีนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องแปลเป็นไทย หลายครั้งเด็กๆอาจจะไม่ถามเลยด้วยซ้ำ คือเข้าใจจากภาพไปเลย ส่วนการเล่าปากเปล่า ควรเลือกใช้ภาษาที่เหมาะกับระดับความเข้าใจของเด็กแต่ละคน เด็กชอบฟังนิทาน ถ้าเป็นเรื่องที่ชอบก็จะฟังแล้วฟังอีก ถ้าเป็นเรื่องที่ฟังหลายครั้งแล้ว คุณพ่อคุณแม่ลองหาคำพ้องความหมายมาแทนคำเดิมบ้างเพื่อเพิ่มฐานศัพท์ให้อีกทางค่ะ แล้วอย่าลืมทำเสียงให้เข้ากับ บรรยากาศ ในเนื้อเรื่องด้วยนะคะ

* เมื่อไรที่เด็กๆได้รับอนุญาตให้ดูทีวี (ส่วนมากคุณหมอจะแนะนำให้เริ่มดูทีวีได้หลังอายุ 2 ขวบ โดยดูครั้งละไม่เกิน 10 นาที และดูรายการที่มีภาพเคลื่อนไหวช้าๆ) ควรเปิดโปรแกรมที่เป็นภาษาอังกฤษ ที่เป็นโปรแกรมสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เพราะรายการเด็กที่ดีจะถูกออกแบบโดยนักการศึกษาเพื่อการพัฒนาการของเด็กในแต่ละวัย ดูเข้าใจง่าย สีสันสดใส ที่สำคัญไม่มีความรุนแรง ถ้าคิดอะไรไม่ออกก็นึกถึง BBC.co.uk/cbbc (สำหรับเด็กวัยเรียน) หรือ  bbc.co.uk/cbeebies (สำหรับเด็กก่อนวัยเรียน) ไว้ก่อนก็ได้ค่ะ ที่พูดถึงรายการเด็กนี่ไม่ได้หมายถึงการ์ตูนฝรั่งนะคะ เพราะการ์ตูนฝรั่งหลายเรื่องไม่ได้ออกแบบเพื่อการเรียนรู้ของเด็ก เคยแนะนำคุณแม่ท่านหนึ่งไปตามที่เขียนข้างต้น แต่กลับไม่ได้ผล ถามไปถามมาก็ได้ความว่า คุณแม่เปิดทีวีให้น้องดูแต่การ์ตูนฝรั่ง โดยเฉพาะ ทอม แอนด์ เจอรี่ น้องชอบมาก แต่ถ้าพิจารณาดูแล้ว ใน ทอม แอนด์เจอรี่ แทบจะไม่มีการสนทนากันเลย มีแต่การกลั่นแกล้ง จ้องจะฆ่ากัน ยิ่งระดับความรุนแรงแล้ว ถ้าเปลี่ยนจากการ์ตูนเป็นคนจริงๆนี่ เป็นหนังเขย่าขวัญได้เลยนะคะ ดังนั้นก่อนจะให้ลูกดูอะไร คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาก่อนนะคะ หรือนั่งดูไปด้วยกันเลยค่ะ

 เมื่อมีโอกาสเปิดเพลง ร้องเพลง แล้วชวนเด็กๆออกมาเต้นด้วยกัน ถ้าเปิดจากวิทยุเลือกคลื่นที่ ดีเจพูดภาษาอังกฤษ แล้วคุณจะแปลกใจว่าเด็กๆสามารถจำเนื้อร้องได้ และสามารถร้องเพลงตามได้เป็นช่วงๆ ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการฝึกฟัง ทำให้ฟังแล้วสามารถจับศัพท์ได้ แล้วจะนำไปสู่การค้นหาความหมายของคำต่างๆต่อไป

หาโอกาสเปิดหูเปิดตา เปลี่ยนบรรยากาศ หาสิ่งที่กระตุ้นการเรียนรู้ เช่นไปเที่ยวสวนสาธารณะ ขี่จักรยาน เข้าพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น และเมื่อกลับมาบ้านลองชวนเค้าคุยว่าที่ไปมาเป็นอย่างไรบ้างเค้าได้เห็นอะไร ถ้าคำไหนเขาไม่รู้ คุณพ่อคุณแม่ก็ช่วยเสริม แต่ถ้าคุณเองก็ยังไม่รู้ ก็ลองให้เด็กๆช่วยกันหาคำตอบ ถ้าเขาค้นเจอด้วยตัวเองเขาจะภูมิใจและจดจำได้ดีค่ะ เด็กเล็กๆก็คุยได้นะคะ ยิ่งช่วงหัดพูดนี่สำคัญ เค้ารู้อะไรเยอะกว่าที่เขาบอกเรามากนะคะ เด็กในวัยหัดพูดเมื่อเห็นอะไรเขาจะชี้แล้วเรียกชื่อสิ่งนั้น ช่วงนี้เขาจะต้องการคำศัพท์อย่างมาก เราบอกไปเขาก็จะจำแล้วพูดตาม ดังนั้นการเปลี่ยนบรรยากาศให้เขาได้เห็นอะไรมากๆ ระหว่างนั้นก็ป้อนศัพท์คำใหม่ๆสำคัญมากในช่วงนี้ คุยกับเขาเยอะๆกระตุ้นเข้าไปค่ะ ฉลาดชัวร์

* ในเด็กวัยเรียนควรหาโอกาสให้เขาได้พูดคุยกับเจ้าของภาษา หลายโรงเรียนตอนนี้ก็มีการจ้างครูฝรั่งมาสอนซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดี แต่ถ้าที่โรงเรียนของเราไม่มีก็ลองหาตัวเลือกอื่นๆ เช่น เรียนพิเศษสัปดาห์ละครั้ง ค่ายภาษาอังกฤษ หรือ ถ้าเป็นไปได้การไปเที่ยว หรือไปเรียนช่วงฤดูร้อนสั้นๆในประเทศเจ้าของภาษา

*ข้อสุดท้ายคือ ห้ามหยุด ห้ามขาดช่วง เพราะความพยายามที่ทำมาแล้วจะสูญเปล่า พอลูกโตมาสู้ลูกคนอื่นไม่ได้จะมานั่งเสียดายก็สายไปนะคะ ต้องนึกถึงช่วงเวลาแห่งชัยชนะที่จะต้องมาถึงอย่างแน่นอน เพราะเรามาถูกทางแล้ว สู้ๆค่ะ


ที่กล่าวมาข้างต้นส่วนใหญ่ทำได้ในชีวิตประจำวัน  จุดมุ่งหมายคือให้เด็กๆสามารถใช้ภาษาง่ายๆได้ แนะนำตัวได้ ไม่เคอะเขินเมื่อเจอชาวต่างชาติ เป็นกำลังใจให้ค่ะ สำหรับประโยคต่างๆที่ใช้ในชีวิตประจำวันกับเด็กๆ ขอให้ติดตามต่อใน เฟสบุ๊คเพจ ภาษาอังกฤษวันละนิดวันละหน่อยค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น